เนื้อหาโฮโลแกรมกำลังปฏิวัติโซเชียลมีเดียด้วยประสบการณ์แบบ immersive และ interactive ที่ดึงดูดผู้ชม ไม่เหมือนกับโพสต์ 2D แบบเดิม โฮโลแกรมสร้างความรู้สึกเหมือนมีตัวตนและความลึก ทำให้เหมาะสำหรับการเล่าเรื่อง นำเสนอผลิตภัณฑ์ และงานอีเวนต์สด แบรนด์อย่าง Gucci และ Nike ใช้โฆษณาโฮโลแกรมเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมกว่า 300%+ ในปี 2025 แพลตฟอร์มเช่น Instagram และ TikTok จะผสานเครื่องมือ AR และโฮโลแกรม ทำให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงครีเอเตอร์ทุกระดับ
คุณไม่ต้องมีทรัพยากรระดับฮอลลีวูดก็ทดลองทำโฮโลแกรมได้ ด้วยเครื่องมือเช่น Adobe Aero และ Lens Studio ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์ออกแบบเอฟเฟกต์โฮโลแกรมง่ายๆ โดยใช้สมาร์ทโฟน เริ่มต้นได้ดังนี้:
ไม่ใช่ทุกแพลตฟอร์มที่รองรับโฮโลแกรมได้เท่ากัน โฟกัสที่ตัวท็อปเหล่านี้:
Spark AR ของ Meta ช่วยสร้างฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์โฮโลแกรม เหมาะสำหรับสตอรี่และรีลแบบ interactive
เครื่องมือ Effect House ให้ครีเอเตอร์สร้าง challenge และเอฟเฟกต์แบรนด์แบบโฮโลแกรม
ผู้นำด้าน AR lenses - เหมาะสำหรับการลองสินค้าและโฮโลแกรมตาม location
ฟีเจอร์ Virtual Artist ของ Sephora ใช้เทคโนโลยีโฮโลแกรมให้ผู้ใช้ทดลองเครื่องสำอางแบบเรียลไทม์ ผลลัพธ์:
บทเรียน: ใช้โฮโลแกรมแก้ pain point ของลูกค้า (เช่น "สินค้านี้จะดูดีบนฉันไหม")
โฮโลแกรมแบบนิ่งก็เจ๋ง แต่แบบ interactive ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม ตัวอย่าง:
ใช้อวาตาร์ 3D ตอบคำถามระหว่างเปิดตัวผลิตภัณฑ์ (ดูคอนเสิร์ตเสมือนของ K-pop กลุ่ม aespa)
สร้างเกมหาของที่ผู้ใช้ต้องตามหาโฮโลแกรมในสถานที่จริง
ติดตามเมตริกเหล่านี้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ:
เช่นเดียวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ความโปร่งใสสำคัญ:
เนื้อหาโฮโลแกรมไม่ใช่ไซไฟอีกต่อไป - ในปี 2025 นี่คือสิ่งที่ต้องมีเพื่อการมีส่วนร่วมระดับสูง เริ่มจากฟิลเตอร์ AR ง่ายๆ วิเคราะห์ผล แล้วค่อยขยาย พร้อมจะโดดเด่นกว่าใคร? ลองโพสต์โฮโลแกรมสักชิ้นสัปดาห์นี้ แล้วติดแฮชแท็ก #HologramMarketing!